อันตรายจากแสงแดดมีมากกว่าแค่รังสี UV รู้จักกับรังสีอินฟราเรด ภัยเงียบที่อาจทำร้ายผิวของคุณโดยไม่รู้ตัว และครีมกันแดดตัวไหนจะเป็นครีมกันแดดที่ดีที่สุดที่จะช่วยปกป้องคุณจากรังสีอินฟราเรด ติดตามได้ในบทความนี้เลย
อันตรายจากแสงแดดที่มากกว่ารังสี UV
ก่อนที่จะตอบคำถามว่าควรเลือกใช้กันแดดตัวไหนดี หรือ หน้าแพ้ง่ายใช้ครีมกันแดดทาหน้าอะไรดี เราควรรู้ว่า UV ประกอบด้วยคลื่นพลังงานแม่เหล็กหลากหลายความยาวคลื่นด้วยกัน เมื่อแสงเดินทางผ่านเข้ามาสู่ชั้นบรรยากาศของโลก คลื่นพลังงานบางช่วงความยาวจะถูกดูดซับหรือสะท้อนกลับ โดยรังสีที่ผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลก ประกอบด้วย รังสีอัลตราไวโอเลด (Ultraviolet, UV) แบ่งเป็น UVA, UVB และ UVC แต่โอโซนในบรรยากาศได้กรอง UVC ออกไป จึงพบเฉพาะ UVA และ UVB เท่านั้นบนผิวโลก, แสงที่มองเห็นได้ (Visible light), และรังสีอินฟราเรด (Infrared)[7], [9]
โดยทั่วไปเรามักจะนึกถึงแต่อันตรายของรังสี “แต่ทราบหรือไม่ว่ากว่า 54% ของรังสีที่ตกกระทบมายังโลกคือ รังสีอินฟราเรด” ที่เหลือจะเป็น Visible Light ประมาณ 39% ส่วนรังสี ที่เรานึกถึงและรู้จักกันดีมีเพียง 7% เท่านั้น[9] (Fig.1) “เกินกว่าครึ่งของรังสีที่ผ่านมายังโลกเป็นรังสีอินฟราเรด”
ทำความรู้จักกับรังสีอินฟราเรด... รังสีอินฟราเรดคืออะไร
รังสีอินฟราเรด (Infrared; IR) หรือ รังสีความร้อน เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ ที่มีความถี่ถัดจากความถี่ของแสงสีแดงลงมา ด้วยเหตุนี้จึงเรียกรังสีนี้ว่า “รังสีอินฟราเรด” หรือ “รังสีใต้แดง” รังสีอินฟราเรดมีแหล่งกำเนิดมาจากความร้อน เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยแต่ให้ความร้อนสูง
จึงมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า รังสีความร้อน[5] สำหรับรังสีอินฟราเรดนั้นมีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 0.75 ไมโครเมตร- 1 มิลลิเมตร เป็นคลื่นที่มีความยาวคลื่นยาวกว่าแสงสีแดงที่เป็นแสงที่ตาสามารถมองเห็นได้ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นรังสีอินฟราเรดได้ด้วยตา แต่เมื่อรับสัมผัสรังสีเราจะรู้สึกถึงความร้อนได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาเรารู้สึกร้อนจากแสงแดด หรือจากเปลวไฟ ล้วนแล้วแต่เป็นรังสีอินฟราเรดทั้งสิ้น สัตว์บางชนิด เช่น งู ที่สามารถสัมผัสรังสีอินฟราเรดได้ ทำให้ทราบตำแหน่งของเหยื่อ จากการสัมผัสกับรังสีอินฟราเรดที่แผ่ออกมาจากเหยื่อ[1]
ปัจจุบันมีการนำรังสีอินฟราเรดมาใช้ประโยชน์มากมาย อาทิเช่น การควบคุมเครื่องใช้ระบบไกล (Remote control) การสร้างกล้องอินฟราเรดที่สามารถมองเห็นวัตถุในที่มืดได้ และเครื่องกำเนิดความร้อนทั่วไป เช่น เตาแก๊สอินฟราเรด ห้องอบเซาว์น่า แผ่นกายภาพบำบัด เป็นต้น [5] รังสีอินฟราเรด สามารถแบ่งช่วงความยาวคลื่นได้เป็น 3 ช่วง ซึ่งแต่ละช่วงความยาวก็มีการนำมาประยุกต์ใช้ที่แตกต่างกัน คือ[1] (Fig.2)
1. รังสีอินฟราเรดคลื่นสั้น (Near Infrared; IR-A)
มีความยาวคลื่นประมาณ 0.75 ไมโครเมตรจนถึง 1.5 ไมโครเมตร มักจะประยุกต์ใช้ในงานถ่ายภาพความร้อน และถือเป็นช่วงรังสีที่สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังได้ลึกที่สุด ใน 3 ช่วงความยาวคลื่นนี้
2. รังสีอินฟราเรดคลื่นกลาง (Medium Infrared; IR-B)
มีความยาวคลื่นประมาณ 1.5 ไมโครเมตรจนถึง 5.6 ไมโครเมตร โดยมักประยุกต์ใช้กับระบบนาวิถีของจรวด Missile
3. รังสีอินฟราเรดคลื่นยาว (Far Infrared; IR-C)
มีความยาวคลื่นประมาณ 5.6 ไมโครเมตรขึ้นไป รังสีในช่วงคลื่นยาวนี้จะมีพลังงานความร้อนไม่มากนัก จึงนิยมใช้ในการบำบัดผู้ป่วย เช่น อาการปวดเมื่อยเรื้อรัง และผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิต เป็นต้น
แม้ว่าในปัจจุบันมีการนำรังสีอินฟราเรดช่วงคลื่นยาว(IR-C) หรือ ฟาอินฟราเรด(FIR) มาประยุกต์ใช้ประโยชน์และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก[1] แต่ทราบหรือไม่ว่ารังสีช่วงคลื่นสั้น คือ ช่วงรังสีตัวร้ายที่สามารถทำลายผิวของเราได้ กว่า 30% ของรังสีอินฟราเรด ที่ผ่านลงมายังโลก คือรังสี IR-A หรือ รังสีอินฟราเรดช่วงคลื่นสั้น (NIR) ซึ่งสามารถทะลุผ่านชั้นผิวของเรา และทำร้ายผิวของเราได้โดยไม่รู้ตัว[9] ร้ายกว่ารังสี UV
รังสีอินฟราเรดส่งผลเสียอะไรต่อผิวของเราบ้าง
จากข้อมูลข้างต้นแสงแดดประกอบด้วยรังสีหลายชนิดคือ UVA, UVB, UVC, Visible light, Infrared เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทาหน้าที่มีให้เลือกใช้ในปัจจุบันมักมีส่วนประกอบที่ปกป้องผิวและกันแดดได้เฉพาะรังสี UVA, UVB ซึ่งพบว่าเป็นรังสีที่ ทำให้เกิดผิวร้อน บวมแดง ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย ฝ้า กระ ผิวไม่เนียนสวยสม่ำเสมอ แต่พบว่าแม้เราจะทากันแดดที่ดีที่สุด ที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสีอย่างครบถ้วน ทาถูกต้องตามหลักการที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ ก็ยังปกป้องผิวและกันแดดผิวจากอนุมูลอิสระซึ่งถูกแสงแดดกระตุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียง 53% เท่านั้น
สาเหตุเป็นเพราะว่า อีกหนึ่งตัวการทำร้ายผิวที่มากับแสงแดดนั้น ไม่ได้มีแค่รังสี UVA และ UVB ที่เรากลัวกันมาเนิ่นนานเพียงเท่านั้น แต่ยังมีรังสีอินฟราเรดเอ (IR-A) ซึ่งพบว่าเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิวทำให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัย [4] กว่า 30% ของรังสีอินฟราเรดจะเป็น รังสีอินฟราเรดช่วงคลื่นสั้น หรือรังสีอินฟราเรดเอ (IR-A) ซึ่งจากภาพ (Fig.3) จะเห็นว่ารังสี IR-A สามารถผ่านเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกกว่ารังสีอินฟราเรดช่วงคลื่นกลาง (IR-B) และรังสีอินฟราเรดช่วงคลื่นยาว (IR-C) โดยประมาณ 65% ของรังสี IR-A สามารถผ่านเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึก (skin’s dermal layer) ทั้งชั้น Epidermis, Dermis และ Subcutaneous โดยอาจไม่ทำให้อุณหภูมิที่ผิวหนังเพิ่มสูงขึ้น[9] นั่นเท่ากับว่ารังสี IR-A สามารถผ่านเข้ามาในชั้นผิวของเราได้ โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว
จากที่กล่าวมาตัวการร้ายคือรังสี IR-A หรือรังสีอินฟราเรดช่วงคลื่นสั้น ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดริ้วรอยและผลเสียต่างๆ[4] รังสีอินฟราเรดสามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ลึก ทั้งยังสามารถผ่านแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวในระดับเซลล์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการแบ่งเซลล์ ที่ไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชั้นผิวหนัง ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่รับรังสีอินฟราเรดได้โดยไม่รู้ตัว หากได้รับรังสีติดต่อกันเป็นเวลานาน จะสะสมเกิดความเสียหายต่อผิวหนัง[2] อันได้แก่ ริ้วรอยลึกก่อนวัย ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น (elastosis)[8] รวมถึงเกิดความหมองคล้ำ ล้วนแล้วแต่เป็นผลร้ายที่เกิดขึ้นได้จากการสัมผัสรังสีอินฟราเรด[3]
into the skin [9] กระบวนการที่ส่งผลให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย ซึ่งเป็นผลมาจากการสัมผัสรังสี IR-A นั้นคือ รังสีอินฟราเรดสามารถกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ และลดประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระในชั้นผิว [6]
รังสีอินฟราเรดเมื่อทะลุผ่านผิวลงมา จะถูกดูดซับไว้ที่ Mitochondria [7], [8] โดยจะไปกระตุ้นการเกิด ROS (Reactive Oxygen Species) [6], [7], [8] (Fig. 4) ซึ่งถือเป็นอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งในร่างกาย ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเซลล์ (inflammation) และการแสดงออกที่ผิดปกติของยีน ซึ่งมีผลต่อความสมดุลของคอลลาเจนภายในผิว (dermal collagen breakdown) [7], [8] โดยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ MMP-1 (Matrix Metalloproteinase 1) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่กระตุ้นการทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง [8] ร่วมกับส่งผลลดการทำงานของเอนไซม์ COL1A1 (Procollagen alpha-1) ที่เป็นเอนไซม์ที่สร้างคอลลาเจน มีผลให้การสร้างคอลลาเจนในผิวหนังลดลง [10] ผลที่ตามมาคือผิวหนังจึงขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย จุดด่างดำ และถ้าหากได้รับในปริมาณมากๆ อาจมีผลต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย [4], [8], [9]
นอกจากนี้รังสีอินฟราเรดยังส่งผ่านความร้อนสะสมไปยังผิว พบว่าความร้อนกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในระดับโมเลกุล ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพและถูกทำลาย[4] ทั้งยังกระตุ้นการสร้างเม็ดสี [8] รวมถึงมีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่เซลล์ผิวได้ไม่ต่างจากรังสี [4] รังสีอินฟราเรดจึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำร้ายผิวและทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย [7]
รังสีอินฟราเรด ส่งผลเสียและก่อให้เกิดปัญหาผิวอย่างไรบ้าง
หากไม่ทาครีมกันแดดทาหน้า รังสีอินฟราเรดส่งผลเสียต่อผิวได้โดย radiation spectrum and its effect on skin [8] รังสีอินฟราเรด ก่อให้เกิดปัญหาผิว (Skin Problems) ได้ดังนี้ [3], [4], [6], [7], [8], [9], [10]
- ปัญหาผิวหมองคล้ำ, สีผิวไม่สม่ำเสมอ, การสร้างเม็ดสีผิดปกติ (dullness and hyperpigmentation)
- ปัญหาริ้วรอย เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย (wrinkle and skin aging)
- ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น (elastosis)
- มะเร็งผิวหนัง (skin cancer/ photocarcinogenesis)
รังสีอินฟราเรดจัดเป็นรังสีที่อยู่ใกล้ตัวเรา และเราสัมผัสอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว จากที่ทราบกันดีแล้วว่ารังสีอินฟราเรดจะแสดงออกมาในรูปแบบของความร้อน เมื่อเรารู้สึกร้อนเวลาโดนแสงแดดหรือเวลาเราอยู่ใกล้ไฟ นั่นเท่ากับว่าเราสัมผัสกับรังสีอินฟราเรดได้ แม้ว่าตาเราจะไม่สามารถมองเห็นรังสีอินฟราเรดได้ก็ตาม[5] ไม่เพียงแต่รังสีจากแสงแดดเท่านั้น ในชีวิตประจำวันเราทุกคนสัมผัสรังสีอินฟราเรดได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกมากมาย อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ หลอดไฟชนิดทังสเตน Gadgets เตาอบ ไดร์เป่าผม เป็นต้น [2]
ครีมกันแดดตัวไหนดี วิธีกันแดดที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันรังสีอินฟราเรด
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ ครีมกันแดดทาหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย ที่มีในท้องตลาดสามารถปกป้องผิวเราได้เพียงแต่รังสี UV เท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทาหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย ที่สามารถปกป้องผิวและกันแดดได้ครอบคลุมถึงรังสีอินฟราเรดได้ด้วย ก็จะทำให้ผิวของเราได้รับการปกป้องที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น [7]
แสงอาทิตย์ที่มีรังสีผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลก โดยทั่วไปเรามักจะนึกถึงแต่อันตรายของรังสี “แต่ทราบหรือไม่ว่ากว่า 54% ของรังสีที่ตกกระทบมายังโลกคือ รังสีอินฟราเรด” เกินกว่าครึ่งของรังสีจากแสงอาทิตย์ที่ผ่านมายังโลกเป็นรังสีอินฟราเรด ที่เหลือจะเป็น Visible Light ประมาณ 39% ส่วนรังสี UVA และ รังสี UVB มีเพียง 7% เท่านั้น รังสีอินฟราเรด เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “รังสีความร้อน” หรือ “รังสีใต้แดง” หรือ “รังสีไออา” (IR) มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 750 นาโนเมตร - 1 มิลลิเมตร เป็นคลื่นความร้อนที่มีความยาวคลื่นที่ยาวกว่าแสงสีแดงที่ตาสามารถมองเห็นได้ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถมองเห็น รังสีอินฟราเรด เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยแต่ให้ความร้อนสูง แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาเรารู้สึกร้อนจากแสงแดด หรือจากเปลวไฟ ล้วนแล้วแต่เป็นรังสีอินฟราเรดทั้งสิ้น
รังสีอินฟราเรดช่วงคลื่นสั้น (Near Infrared; NIR/ IR-A) IR-A, 0.75-1.5 µm เป็นช่วงรังสีที่สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังได้ลึกที่สุด เมื่อเทียบกับรังสีอินฟราเรดช่วงคลื่นกลาง (MIR) และคลื่นยาว (FIR) กว่า 30% ของรังสีอินฟราเรดจะเป็น รังสีอินฟราเรดเอ (IR-A) ทะลุผ่านชั้นผิวได้ลึกและทำร้ายผิวของเราได้โดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดผิวร้อน บวมแดง ผิวไม่เนียนสวยสม่ำเสมอ ผิวหนังที่สัมผัสรังสีอินฟราเรดติดต่อกันเป็นเวลานาน จะสะสมเกิดความเสียหายและผลร้ายต่อผิวหนัง ได้แก่ ริ้วรอยลึก เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น รวมถึงเกิดความหมองคล้ำ และที่น่ากลัวสุดคือ มะเร็งผิวหนัง
รังสีอินฟราเรดเอ (IR-A) กระตุ้นการทำงานเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง รังสี IR-A จึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำร้ายผิวและทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย ควรเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทาหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย ที่มีค่าการปกป้องผิวและกันแดดสูง ซึ่งไม่เพียงแต่ป้องกันรังสียูวี แต่สามารถปกป้องได้ครอบคลุมถึงรังสีอินฟราเรดได้ด้วย ก็จะทำให้ผิวของเราได้รับการปกป้องที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และเป็นตัวช่วยง่าย ๆ แต่สำคัญมาก สำหรับการปกป้องผิวเราให้แกร่งสู้แดดและริ้วรอยลึกก่อนวัย และ ปกป้องผิว จากรังสีอินฟราเรด อย่างผลิตภัณฑ์ กันแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย ลา โรช-โพเซย์ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ครีมกันแดดที่ดีที่สุด ที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายลึก ของรังสีอินฟราเรด
ANTHELIOS ครีมกันแดดที่ดีที่สุด สำหรับป้องกันรังสีอินฟราเรด
(ปริมาณสุทธิ 50 มล. ราคา 1,400 บาท)
ANTHELIOS XL Ultra-Light Fluid SPF 50+ PPD 42 PA++++ Very high protection even against long UVA. And yet invisible on skin. ลา โรช-โพเซย์ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล อัลตร้า-ไลท์ ฟลูอิด เอสพีเอฟ 50 + เป็นผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ดีที่สุดสำหรับผิวแพ้ง่าย ในกลุ่ม แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล* เป็นกันแดดที่ให้การปกป้องผิวจากการทำร้ายลึกของรังสี Infrared และ รังสี Long UVA/ UVB สูง สำหรับผิวที่แพ้แสงแดด ระคายเคืองง่าย เหมาะสำหรับผู้มีผิวหน้าที่มี ผิวธรรมดา ถึง ผิวผสม เนื้อสัมผัสเบาสบายกว่าเดิม ซึบซาบเร็วยิ่งขึ้น ซึมซาบสู่ผิวทันที ไม่ทิ้งคราบขาว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ด้วยนวัตกรรมรูปแบบสารกรองแสงลิขสิทธิ์เฉพาะ Mexoplex® ทำให้ครีมกันแดดทาหน้า Anthelios สามารถปกป้องผิวชั้นลึกจากการถูกทำร้ายจากรังสี รังสี Infrared (IR-A, 0.75-1.5 µm), Long-UVA (UVA1, 340-400 nm) และ UVB UVB ด้วย SPF 50+ และค่า PPD ที่สูงถึง 42 , PA++++ ผสานสารช่วยลดและดูดซับความมัน Perlite + Zinc Gluconate + Silica ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ
กันแดดทาหน้าสูตรกันน้ำ (Very water resistant)
เป็นครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำหอม และพาราเบน เหมาะสำหรับผิวที่ระคายเคืองง่าย หรือผิวที่มีแนวโน้มไวต่อแสงแดดคือ ผิวที่แพ้แสงแดดโดยเฉพาะเมื่อเผชิญแสงแดดจัด
กันแดดทาหน้าสูตร Non-comedogenic,
เป็นครีมกันแดดทาหน้าที่ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวพรรณ เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวผสม ปราศจากน้ำหอม และพาราเบน เหมาะกับผิวระคายเคืองง่าย ไวต่อแสงแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญแสงแดดจัด ผ่านการทดสอบความคงทนต่อแสง (Photostable) และผ่านการทดสอบแล้วภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวพรรณ ด้วยคุณสมบัติและจุดเด่นที่สำคัญของ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล อัลตร้า-ไลท์ ฟลูอิด เอสพีเอฟ 50 + ฟลูอิด ครีมกันแดดทาหน้าที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย
- คุณสมบัติในการปกป้องผิวด้วยจากรังสี รังสี Infrared (IR-A, 0.75-1.5 µm), Long-UVA (UVA1, 340-400 nm) / UVB ด้วยค่า SPF ที่สูงกว่า 50 และ PPD สูงถึง 42 (สูงกว่ามาตรฐานที่แนะนำโดยยุโรป) , PA++++ ด้วยรูปแบบสารกรองแสงลิขสิทธิ์เฉพาะ Mexoplex® ประกอบด้วย Mexoryl® SX + Tinosorb® S + Eldew® [PPD = ค่าการปกป้องจากรังสี UVA , SPF= ค่าการปกป้องจากรังสี UVB]
- ผสานสารช่วยลดและดูดซับความมัน ประกอบด้วย Perlite ดูดซับความชื้นบนใบหน้า, Zinc Gluconate ลดความมันส่วนเกิน และยังมี Silica ช่วยดูดซับความมัน
- เนื้อสัมผัสเบาสบายกว่าเดิม ซึมซาบเร็วยิ่งขึ้น ซึมซาบสู่ผิวทันที ไม่ทิ้งคราบขาว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
วิธีใช้ : เขย่าผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทาหน้าก่อนใช้ ทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้าและลำคอ เป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนการแต่งหน้าและก่อนสัมผัสเผชิญแสงแดดประมาณ 30 นาที และแนะนำทาซ้ำหลังเล่นน้ำหรือเหงื่อออกมาก
ผลลัพธ์ที่ได้ : หลังจากทา พบว่าเป็นครีมกันแดดทาหน้าที่เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมซาบเร็ว ภายหลังการใช้ ไม่ทิ้งคราบขาว และความมันวาว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ก่อให้เกิดผิวอุดตัน (สูตร non-comedogenic) มากกว่า 25 ปีที่ LA ROCHE-POSAY ค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์ปกป้องแสงแดด แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล (ANTHELIOS XL) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณแนะนำและเหมาะกับผู้ที่มีผิวระคายเคืองง่ายไวต่อแดด (Sensitive and sun-allergy prone-skin)
ส่วนประกอบสำคัญ เมโซริล (MEXORYL® )
เป็นสารกันแดดประเภทออแกนิค (Organic sunscreen) ที่มีคุณสมบัติในการกรองรังสีที่ได้รับความไว้วางใจและเชื่อถืออย่างมากเมื่อเทียบกับสารกันแดดประเภทออแกนิคอื่นๆ ANTHELIOS XL พัฒนาไปอีกขั้น เหนือกว่ามาตรฐานกับการป้องกันแสงแดดเพื่อผิวระคายเคืองง่าย และไวต่อแดด นวัตกรรมใหม่ เมโซเพล็กซ์ (MEXOPLEX®) ด้วยรูปแบบการกรองแสงลิขสิทธิ์เฉพาะของ ลา โรช-โพเซย์ ให้การปกป้องผิวจากรังสี UV ได้สูง สำหรับผิวระคายง่าย และไวต่อแดด (Sensitive and Sun-allergy skin) ด้วยประสิทธิภาพการป้องกันรังสีที่สูงขึ้นโดยควบคุมปริมาณสูตรส่วนผสมที่เหมาะสม ด้วยนวัตกรรมการเสริมประสิทธิภาพใหม่ ทำให้เพิ่มการปกป้องรังสี UV ได้สูงและยาวนานขึ้น (MAXIMUM UV Protection)
จากการเสริมประสิทธิภาพของ MEXORYL® XL และระบบกรองแสงใหม่ MEXOPLEX® ที่ประกอบด้วย MEXORYL® SX, TINOSORP® S และ ELDEW® photostabilizing oil ชนิดใหม่ ทำให้สูตรใหม่ มีค่า PPD สูงสุดถึง 42 (สำหรับฟลูอิดสูตรใหม่) และมีความคงตัวต่อแสงแดด (PHOTOSTABILITY) ในการปกป้องยาวนานขึ้น และลดปริมาณสารกันแดดที่เป็นเคมี (chemical sunscreen) ลง 32% เมื่อเทียบกับสูตรเดิม (สำหรับสูตรเนื้อครีม) ปราศจากน้ำหอมและ PARABEN-FREE จึงเหมาะสำหรับผิวระคายง่าย และไวต่อแดด และยังมีส่วนผสมของน้ำแร่ ลา โรช-โพเซย์ ที่อุดมด้วยแร่ธาตุซิลิเนียม ที่มีคุณสมบัติปลอบประโลมผิวและช่วยลดการระคายเคืองทำให้รู้สึกสบายผิว
(ปริมาณสุทธิ 50 มล. ราคา 1,250 บาท)
ANTHELIOS XL Dry Touch Gel-Cream SPF 50+ PPD 31 PA++++ Very high protection even against long UVA and Infrared. And yet invisible on skin. ใหม่* ! ลา โรช-โพเซย์ แอนเทลิโอส ดราย ทัช เจล-ครีม เอสพีเอฟ 50+ ครีมกันแดดทาหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย เนื้อเจลครีม แห้งบางเบา สำหรับผิวหน้าที่มี ผิวผสม ถึง ผิวมัน ประสิทธิภาพสูงในการปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB ซึมซาบสู่ผิวทันที แห้งภายหลังการใช้ ไม่ทิ้งคราบขาว และความมันวาว สูตรอ่อนโยน สำหรับผิวระคายเคืองง่าย ผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ผิวที่ไวต่อแสงแดด หรือ ผิวที่แพ้แสงแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญแสงแดดจัด ปราศจากน้ำหอม และพาราเบน ด้วยนวัตกรรมรูปแบบสารกรองแสงลิขสิทธิ์เฉพาะ Mexoplex® ปกป้องผิวชั้นลึกจากการถูกทำร้ายจากรังสี รังสี Infrared (IR-A, 0.75-1.5 µm), Long-UVA (UVA1, 340-400 nm) และ UVB ด้วย SPF 50+ และค่า PPD ที่สูงถึง PPD 31 , PA++++ ผสานสารช่วยลดและดูดซับความัน Perlite + Zinc Gluconate + Silica
กันแดดสูตรกันน้ำ (Very water resistant)
ครีมกันแดดทาหน้าสูตรปราศจากน้ำหอม และพาราเบน เหมาะสำหรับผิวที่ระคายเคืองง่าย หรือผิวที่มีแนวโน้มไวต่อแสงแดดคือ ผิวที่แพ้แสงแดดโดยเฉพาะเมื่อเผชิญแสงแดดจัด และผู้มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ผลิตภัณฑ์ใหม่ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ดรายทัช เจล-ครีม เอสพีเอฟ 50+ PA++++ ผลิตภัณฑ์นี้เป็น “4 อุดมคติ” สำหรับความปรารถนาที่สัมผัสได้ของผลิตภัณฑ์ ครีมกันแดดทาหน้าสำหรับคนหน้ามัน แอนเทลิโอส ได้แก่
-
ความมันเงา
ต่อต้าน “ความมันเงา” และ สูตร Non-Comedogenic ผสานประสิทธิภาพของ “2 สารสำคัญ” ต่อต้านความมันเงา (Double “Anti-Shine” Efficacy) คือ เพอร์ไรท์ (Perlite) ช่วยดูดซับความชื้นบนใบหน้า มีความสามารถในการดูดซับได้ดีกว่าผงแป้งทัลคัม (Talc), ซิงค์ กลูโคเนต (Zinc gluconate) ช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังมี ซิลิก้า (Silica) ที่ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า จึงเป็นผลิตภัณฑ์ ครีมกันแดดทาหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีผิวผสม ถึง ผิวมัน และมีแนวโน้มในการเกิดสิวง่าย
-
เนื้อสัมผัส
“เนื้อสัมผัส” ซึมซาบสู่ผิวทันที แห้งภายหลังการใช้ ไม่ทิ้งคราบขาว และความมันวาว เหมาะสำหรับ ผิวผสมถึงผิวมัน ผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ปราศจากน้ำหอม และพาราเบน จึงอ่อนโยนเหมาะสำหรับผิวระคายเคืองง่าย หรือผิวที่แพ้แสงแดด
-
การปกป้อง
“การปกป้อง” แสงแดดจากรังสี UVB/ UVA ด้วยเทคโนโลยี MEXOPLEX ซึ่งเป็นวิธีรักษาสิวอักเสบนวัตกรรมใหม่ของระบบกรองแสง รังสี UVB/ UVA ภายใต้สารลิขสิทธิ์ Mexoryl SX และ XL ทำให้มีประสิทธิภาพในการกันแดดและปกป้องรังสี UVB/UVA ได้สูงขึ้น ด้วยค่าการปกป้อง SPF 50+ และ PPD 31 มีความคงทนต่อแสงแดดยาวนานขึ้น จึงอ่อนโยนกับการปกป้องผิวแพ้ง่ายไวต่อแสงแดด อีกทั้งสามารถกันน้ำได้ (water resistant)
-
ข้อมูลการศึกษาทางคลินิก
“ข้อมูลการศึกษาทางคลินิก”* ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ซึ่งมีการทดสอบประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UVB/UVA และความคงทนต่อแสง ตลอดจนความสามารถนำมาใช้จริงในผู้ที่มีผิวผสม ถึงผิวมัน ที่ต้องเผชิญแสงแดดจัด และมีแนวโน้มในการเกิดสิวง่าย *จาก ลา โรช-โพเซย์
วิธีใช้ : ทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้าและลำคอ เป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนการแต่งหน้าและก่อนสัมผัสเผชิญแสงแดดประมาณ 30 นาที และแนะนำทาซ้ำหลังเล่นน้ำหรือเหงื่อออกมาก
ผลลัพธ์ที่ได้ : หลังจากทา พบว่า เนื้อผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทาหน้า แห้งภายหลังการใช้ ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว และความมันวาว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ก่อให้เกิดผิวอุดตัน (สูตร non-comedogenic)
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด LA ROCHE-POSAY ช่วยปกป้องผิวได้เต็มประสิทธิภาพระดับ XL จากรังสี UV และมลภาวะ เนื้อเบาบางและปกป้องผิวหน้าได้เหนือกว่า มีให้เลือกทั้งผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทาหน้า ครีมกันแดดกันน้ำ สเปรย์กันแดด และโลชั่นกันแดด