วิธีการจัดการปัญหาสิวให้สิ้นซาก ทำได้อย่างไร?

Article Read Duration 7 min read

ปัญหาสิวและรอยสิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย การจะรับมือกับปัญหาเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องเข้าใจถึงต้นตอหรือสาเหตุการเกิดสิวแต่ละประเภทเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุของการเกิดสิวบนใบหน้า วิธีการรักษาที่ถูกต้อง พร้อมแนะนำเคล็ดลับการสร้างกิจวัตรการดูแลผิวประจำวันสำหรับคนที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ

ทำความรู้จัก "สิว" และสิวประเภทต่าง ๆ

“สิว” คือการอักเสบของหน่วยรูขุมขนที่มองเห็นได้ ซึ่งปรากฏขึ้นบนผิวในรูปแบบที่แตกต่างกันไป โดยเราสามารถแบ่งประเภทของสิวเป็น2 ประเภทคือ

  • 1. สิวไม่อักเสบ (Non-inflammatory Comedones) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ สิวอุดตัน มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน แต่ไปโดนแล้วไม่รู้สึกเจ็บ แบ่งย่อยได้เป็น สิวหัวดำ (หรือสิวหัวเปิด) และ สิวหัวขาว (หรือสิวหัวปิด)
  • 2. สิวอักเสบ (Inflammatory Lesions): เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ร่วมกับอาการปวดบวมแดง โดยลักษณะของสิวจะแตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่สิวตุมแดง (papule) สิวตุ่มหนอง (Pustule) มักมีขนาดไม่เกิน 0.5 ซม.ไปจนถึงตุ่มสิวที่มีการอักเสบขนาดใหญ่ (เกิน 0.5 ซม) หรือที่หลายคนเรียกว่าสิวหัวช้าง

ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าสิวบนใบหน้าของคุณเป็นประเภทไหน จะช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีการดูแลรักษาผิวและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดได้

สิวเกิดจากอะไร? เปิดสาเหตุหลักของปัญหาผิว

ปัญหาสิวและรอยสิวบนใบหน้าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ดังนี้

  • 1. การผลิดน้ำมันมากเกินไป ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (ซีบัม)ออกมามากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดปัญหาหน้ามันเงา รูขุมขนกว้าง และนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขนได้ง่าย ซึ่งเป็นที่มาของสิวอุดตันอาจเกิดจากฮอร์โมนแปรปรวน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น, ช่วยมีประจำเดือน หรือภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลสามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
  • 2. การแบ่งเซลล์ผิวที่มากผิดปกติ และกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสะสมของซากเซลล์ผิวและอุดตันรูขุมขน
  • 3. กลไกการอักเสบในผิว ทั้งจากเชื้อแบคทีเรีย และอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่ไปกระตุ้นกลไกการอักเสบภายในผิว
  • 4. การเสียสมดุลแบคทีเรียบนผิว : งานวิจัยในวารสารทางการแพทย์พบว่าแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ที่พบมากบนผิวที่มีปัญหาสิวคือ C.acne Phylotype IA1 ซึ่งจะพบน้อยบนผิวที่เป็นสิว กล่าวคือ C.acne ทุกชนิดไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ดังนั้นจากการค้นพบนี้ก็จะยืนยันได้ว่า C.acne ชนิดIA1 เป็นสาเหตุสำคัญตัวจริงของการเกิดปัญหาสิว นำไปสู่แนวทางการรักษาสิวด้วยศาสตร์ไมโครไบโอมบนผิว ด้วยการลดแบคทีเรียร้าย&เพิ่มแบคทีเรียดี เพื่อเพื่อคืนสมดุลแก่ไมโครไบโอมบนผิว
  • นอกจากนี้ยังมีเรื่องของปัจจัยภายนอก เช่นสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้น, มลภาวะ แสงแดด พฤติกรรมการใช้ชีวิต (การพักผ่อน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่ม เป็นต้น) รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง ที่ล้วนส่งให้ไปสู่ 4 สาเหตุหลักของกลไกการเกิดสิวข้างต้น

การเกิดสิวอุดตัน

การดูแลและรักษาสิว

การรักษาสิวให้ตรงจุด

การรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มต้นด้วยการหาสาเหตุของการเกิดสิว เพื่อลดการเกิด/เพิ่มของสิว ร่วมกับการแก้ปัญหาสิวเดิมที่มีอยู่อย่างถูกวิธี โดยเน้นการจัดการกับหลาย สาเหตุของการเกิดสิวไปพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น การใช้ส่วนผสมอย่าง กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสามารถซึมลึกลงไปในรูขุมขนเพื่อช่วยทำความสะอาดสิวอุดตันที่มีอยู่ ร่วมกับการใช้สารที่ไปช่วยลดการผลิตน้ำมัน เช่นซิงค์ (Zinc) สารลดการอักเสบ เช่นไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) รวมไปถึงเรื่องของการลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ร่วมกับศาสตร์แห่งไมโตรไบโอม เพื่อจัดการกับสาเหตุหลักๆ ของการเกิดสิว ร่วมกับการป้องกันการเกิดสิวใหม่ในอนาคต

สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลร้ายต่อปัญหาสิว เช่นไม่ควรแกะหรือบีบสิวเด็ดขาด เพราะการกระทำดังกล่าวจะยิ่งทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้นและอาจนำไปสู่การเกิดแผลเป็นได้ และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวที่ตรงกับลักษณะหรือประเภทสิวที่เป็น โดยไม่ทำลายปราการปกป้องผิว


การดูแลผิวหลังสิวหาย

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง

หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาสิว ในระดับรุนแรง (Severe acne) หรือการลองใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวแล้วสิวก็ยังไม่ดีขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณว่าควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

สร้างกิจวัตรการดูแลผิวสำหรับคนเป็นสิวง่าย ด้วย Effaclar

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทำตามขั้นตอนการดูแลผิวแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น

1. ทำความสะอาดผิวหน้า: ใช้ Effaclar Micro-Peeling Purifying Gel ผสาน 3 โมเลกุลที่เด็ดขาดต่อสิวแต่อ่อนโยนต่อผิว [BHA & LHA & Zinc] เพื่อการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ช่วยขจัดสิ่งสกปรก ความมันส่วนเกิน และลดการอุดตันของรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นสูตรอ่อนโยน มีค่า pH ปราศจากแอลกอฮอล์ สารสบู่และน้ำหอม

2. ดูแลปัญหาสิว

2.1 สิวอุดตัน: ด้วยผลิตภัณฑ์ Effaclar Serum เซรั่มที่ช่วยสลายสิว ผิวดูดีขึ้นใน 2 สัปดาห์2หลังการใช้เพียงวันละครั้งก่อนนอน ทาให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก

2.2 ดูแลและป้องกันสิวสิวเกิดซ้ำซาก: ด้วยผลิตภัณฑ์ Effaclar DUO+M มอยซ์เจอไรเซอร์ที่ผสานศาสตร์ไมโครไบโอม ทำงานร่วมกับสารสำคัญที่ดูแลครบสาเหตุหลักของการเกิดสิว แนะนำให้ทั่วใบหน้า (เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก) เป็นประจำทั้งเช้าและก่อนนอน จัดการปัญหาสิวเร็ว พิสูจน์ได้ใน 8 ชั่วโมง3 และให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง

3. ปกป้องผิวจากแสงแดด: เป็นประจำทุกเช้าด้วย ANTHELIOS UVMUNE400Oil Control Fluid SPF50+ กันแดดหนึ่งเดียวที่ครอบคลุมถึง Ultra Long UVAเป็นครีมกันแดดสูตรสำหรับผิวมันโดยเฉพาะ นอกจากจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ ยูวีบี อินฟราเรด (รังสีความร้อน) และมลภาวะ แล้ว ยังช่วยควบคุมความมันได้อีกด้วย และยังเป็นสูตรที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ Effaclar ดูแลผิวเป็นสิวง่าย

การดูแลผิวตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยจัดการปัญหาสิวของคุณอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายเกราะป้องกันผิว และยังสามารถใช้ร่วมกับการดูแลปัญหาสิวด้วยยาได้อีกด้วย การทำความสะอาด-บำรุง-และปกป้องล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลผิวของทุกประเภทผิว แม้ผิวมันเป็นสิวก็เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีปัญหาสิวที่รุนแรงหรือเรื้อรัง การปรึกษาแพทย์ผิวหนังคือทางเลือกที่ดีที่สุด

References;

1. Dreno B and al. decrease in diversity of propionibacterium acnes phylotypes in patients with severe acne on the back. Acta Derm Venereol, 2018.

2. ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัคร 63 คน หลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ โดยสถาบันวิจัยลอรีอัล ประเทศฝรั่งเศสเมื่อเมษายน 2020

3. ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัคร 54 คน หลังใช้ผลิตภัณฑ์ 8 ชั่วโมง โดยสถาบันวิจัย Cosmetest ประเทศยูเครน เมื่อพฤษภาคม 2023