วิธีการป้องกันผิวแห้ง และลดการระคายเคืองจาก La Roche Posay

Article Read Duration 7 min read


ผิวแห้ง เป็นหนึ่งใน 4 ประเภทผิว อันได้แก่ ผิวแห้ง ผิวธรรมดา ผิวผสม และผิวมัน ซึ่งประเภทผิวนี้แบ่งตามปริมาณน้ำมันเคลือบผิวจากน้อยไปหามากที่สุดตามลำดับ หลายคนเข้าใจว่าเป็นลักษณะผิวของแต่ละบุคคลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเป็นลักษณะที่สืบทอดทางกรรมพันธุ์ แต่หากลองสังเกตจากผิวของเราเอง ก็จะพบได้ว่า นอกจากเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของผิวของเรา เช่น ฤดูกาล อายุที่เพิ่มมากขึ้น ดูแลผิวไม่ดีพอ เช่นการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การเลือกรับประทานอาหารไม่ครบห้าหมู่ การดื่มน้ำไม่เพียงพอ รวมถึงการอาบน้ำร้อน เป็นต้น หรืออีกหนึ่งสาเหตุที่มักพบได้บ่อยๆ ก็คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม

ทั้งหมดนี้ล้วนสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ แก่ผิวของเราได้เช่นกัน เช่น การเกิดปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น ทั้งที่คิดว่าตนเอง มีผิวมัน เป็นต้น

วิธีการป้องกันผิวแห้ง ทำอย่างไร

วิธีการป้องกันผิวแห้ง คำว่า “ผิวแห้ง” ในที่นี้จึงหมายถึงภาวะที่ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ไม่ใช่ประเภทผิว เป็นลักษณะของการที่ผิวชั้นบนสุดหรือชั้นหนังกำพร้า มีปริมาณน้ำในผิวลดน้อยลง ร่วมกับการสูญเสียน้ำออกจากผิวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสการเกิดอาการระคายเคือง แสบ คันได้ง่ายยิ่งขึ้น

บางคนอาจมีอาการลอกเป็นขุย มองเห็นเป็นแนวร่องบนผิว ผิวดูไม่เรียบเนียน ไม่สดใส ดังที่กล่าวมาแล้ว การป้องกันการเกิดภาวะ ผิวแห้ง ก็จะนำไปสู่การลดอาการระคายเคืองร่วมด้วยได้
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณ กล่าวคือการปรับพฤติกรรมการกิน นอน และดื่ม : กินอาหารให้ครบ 5 หมู่-นอนพักผ่อนให้เพียงพอ-ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร & เสริมด้วยการออกกำลังกาย + ไม่ดื่มเหล้า + ไม่สูบบุหรี่
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับประเภทและปัญหาผิวของตนเอง ทุกประเภทผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งต้องบำรุงด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ หรือบาล์มบำรุงผิว CICAPLAST BAUME B5+ ที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน และหากมีอาการระคายเคือง แสบ คัน ร่วมด้วย ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เสริมคุณสมบัติการบรรเทาอาการระคายเคืองไม่สบายผิวเพิ่มเติม โดยอาจพิจารณาจากสาระสำคัญต่างๆ ในผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากสารที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น เช่น วิตามิน บี5 (PANTHENOL) หรือวิตามิน บี 3 (NIACINAMIDE) ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง ไม่สบายผิวได้ แต่ถ้าหากมีอาการที่รุนแรงขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อไม่ให้เกิดการรุกรามของปัญหา เนื่องจากการระคายเคือง แห้ง คัน ก็จะทำให้อยากเกา การเกาอาจนำไปสู่การติดเชื้อ (INFECTION) กลายเป็นปัญหาที่ลุกลามได้

CICAPLAST BAUME B5+

  • ไม่ควรอาบน้ำหรือล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำที่ร้อนจนเกินไป อุณหภูมิน้ำไม่ควรเกิน 42 องศาเซลเซียส และระยะเวลาการอาบน้ำไม่ควรเกิน 10 นาที และหลังการอาบน้ำควรเช็ดตัวหมาด ๆ และทามอยซ์เจอไรเซอร์ภายใน 3 นาทีเพราะเป็นช่วงเวลาที่รูขุมขนเปิด ทำให้ครีมบำรุงผิวสามารถลงไปสู่ผิวได้ดีที่สุด
  • ควรดูแลทั้งผิวหน้าและผิวกาย เพราะหลายๆ คนมักทาครีมบำรุง / มอยซ์เจอไรเซอร์ เฉพาะบริเวณใบหน้าเท่านั้น ส่งผลให้ผิวกายหยาบกร้าน และนำไปสู่อาการคัน ระคายเคือง หรือบางบริเวณอาจทำให้เห็นอาการหยาบกร้าน เช่น ริ้วรอยความแห้งกร้านที่บริเวณข้อศอก หัวเข่า ข้อพับ หรือตาตุ่ม ทั้งหมดล้วนส่งผลต่อบุคลิกภาพของเรา ดังนั้นควรดูแลสุขภาพผิวหน้าเป็นพิเศษ (ใช้หลากหลายผลิตภัณฑ์) แต่ก็ไม่ควรละเลยการดูแลผิวกายด้วยครีมบำรุง (มอยซ์เจอไรเซอร์) เป็นประจำหลังการอาบน้ำ และครีมกันแดดเป็นประจำทุกเช้า

สรุป

การป้องกันภาวะ “ผิวแห้ง” ทำได้ไม่ยากเลยและให้ผลที่คุ้มค่า เพราะเมื่อผิวมีความสมดุลของความชุ่มชื้นในผิวที่ดีแล้ว การดูแลและแก้ปัญหาผิวอื่นๆ ก็จะทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นไปด้วย