3 ขั้นตอนจัดการ ดูแลครบจบปัญหาผิว บอกลาสิว ผิวสดใส

Article Read Duration 7 min read


“สิว” เป็นปัญหาผิวที่พบได้ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง หรือวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับความเครียดและมลภาวะ สิวไม่ได้เพียงสร้างความไม่มั่นใจ แต่ยังบั่นทอนสุขภาพผิวในระยะยาวหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี การดูแลผิวที่เป็นสิวอย่างครบวงจรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม และนี่อาจนำไปสู่ปัญหาสิวเกิดซ้ำซาก ผิวมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย หากเพียงลองปรับขั้นตอนการดูแลผิวเพื่อหวังผลในการรักษาสิวให้จบหรือควบคุมการเกิดซ้ำอย่างจริงจัง สามารถทำได้ง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การทำความสะอาด (Cleanse), การดูแลแก้ปัญหา (Care) และ การปกป้องผิวจากแสงแดด (Sun Protection)

ขั้นตอนที่ 1 : ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน (Cleanse)

ความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่สะสมระหว่างวันเป็นสาเหตุสำคัญของการอุดตันในรูขุมขน การเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญของการลดสิว ดังนั้นขั้นตอนแรกของการดูแลผิวคือการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในคนที่มีผิวมันหรือผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH ใกล้เคียงผิว (ประมาณ 5.5 หรือ Physiological pH) และปราศจากสารระคายเคือง เช่น Sodium lauryl Sulfate (SLS) แอลกอฮอล์หรือสารสบู่ จะช่วยคงสมดุลเกราะปกป้องผิว และพิจารณาสารสำคัญที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องความมัน สาเหตุสำคัญของปัญหาสิว เช่น
  • สารลดการผลิตน้ำมัน เช่น Zinc PCA ที่สามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่กระตุ้นการผลิตน้ำมัน ลดความมันส่วนเกินและการเจริญของเชื้อ C. acnes ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของสิว
  • สารผลัดเซลล์ เช่น Salicylic acid (BHA), Lipohydroxy acid (LHA) ทีจะไปช่วยผลัดซากเซลล์ผิวเก่าสาเหตุของการอุดตัน เผยผิวใหม่ดูกระจ่างใส
การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งเช้า–เย็นอย่างถูกต้องด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และเหมาะกับปัญหาสิวจะช่วยลดสิ่งอุดตันโดยไม่ทำลายชั้นไขมันที่จำเป็นต่อผิว หลังล้างควรซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ไม่ควรถูแรง เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบและสิวได้ง่าย

หน้าลอก


ขั้นตอนที่ 2 : ดูแลแก้ปัญหาสิว (Care)

เมื่อผิวสะอาดแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการดูแลแก้ปัญหาสิวและฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์เฉพาะสำหรับผิวเป็นสิวจะช่วยลดสิวและรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือลอก การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผิวเป็นสิวจะช่วยให้การดูแลมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีข้อมูลในการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวโดยแพทยืผิวหนังผู้เชี่ยวชาญการดูแลปัญหาสิวแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญในการทำงาน 5 กลไก1 ได้แก่

การผลัดเซลล์ผิว (Keratolytics)

การผลัดเซลล์ผิว เช่นสาร Salicylic acid, Lipohydroxy acid, AHA, Glycolic acid เป็นต้น

สารต้านการอักเสบ (Anti-inflammation agents)

สารต้านการอักเสบ เช่น Niacinamide, Zinc, panthenol

สารควบคุมการผลิตน้ำมัน (Sebum-Controlling agents)

สารควบคุมการผลิตน้ำมัน เช่น Niacinamide, Zinc

สารต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial agents)

สารต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น Piroctone olamine, Vitreoscella filiformis fragment (APF)

สารช่วยเสริมปราการผิว และเสริมไมโครไบโอมบนผิว (Skin barrier & Microbiome protection)

สารช่วยเสริมปราการผิว และเสริมไมโครไบโอมบนผิว เช่น Niacinamide, shea butter, Vitreoscella filiformis fragment (APF) ซึ่งเป็นสารกลุ่มใหม่ที่แพทย์ผิวหนังแนะนำในการพิจารณาผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลปัญหาสิว ที่ต้องดูแลความแข็งแรงของผิว ร่วมกับการคืนสมดุลให้กับไมโครไบโอมบนผิว ที่พบว่าจะช่วยให้การแก้ปัญหาสิวมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เป็นการช่วยให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วย

ในขั้นตอนนี้อาจแบ่งผลิตภัณฑ์ได้เป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่
  • ผลิตภัณฑ์เซรั่ม ซึ่งมักจะมีสารสำคัญที่แก้ปัญหาสิวเข้มข้นกว่า หรือเน้นการทำงานเพื่อการแก้ปัญหาสิว เช่น สารสำคัญที่ช่วยในการแก้ปัญหาสิวอุดตันตั้งแต่อยู่ใต้ผิวที่เรียกว่า “ไมโครคอมิโดน (Micro-comedone)” จุดเริ่มต้นของวงจรสิว ก็น่าจะเป็นอีกคุณสมบัติหลักที่น่าสนใจ โดยผลิตภัณฑ์เซรั่มมักจะมีปริมาณสารที่ช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวที่เข้มข้นกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไปจึงจะสามารถสลายการอุกตันตั้งแต่ต้นตอได้
  • ผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอไรเซอร์ ที่นอกจากคุณสมบัติที่ชวยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวแล้ว ควรต้องมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาสิวอื่นๆ ซึ่งหากมีกลไกการออกฤทธิ์ที่จัดการกับสาเหตุหลักขงการเกิดสิวได้มากกว่า ก็มักจะให้ประสิทธิภาพ หรือเห็นผลได้ชัดเจนมากกว่า โดยเฉพาะคุณสมบัติการปรับสมดุลไมโครไบโอมบนผิว อีกสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว ที่ยังไม่ค่อยมีแพร่หลายนักในผลิตภัณฑ์ดูแลสิว

แสงแดดและรังสี UV เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สิวและรอยดำหลังสิวเลวร้ายลง เพราะรังสี UVA/UVB สามารถกระตุ้นให้ผิวอักเสบและสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น การทาครีมกันแดดทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ “จำเป็นทุกวัน” แม้ในวันที่ไม่ได้ออกแดด การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงเป็นส่วนสำคัญของการดูแลผิวเป็นสิว

ในกลุ่มกันแดดสำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย ควรเลือกสูตรที่มีคุณสมบัติ Non-comedogenic (ไม่อุดตันรูขุมขน) และมีคุณสมบัติชาวยควบคุมความมัน (Oil-control) พร้อมการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ และความคงตัว รวมไปถึงสารกันแดดรุ่นใหม่ๆ ที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UVB, UVA, และ Long-UVA ที่สามารถลงไปทำร้ายผิวได้ลึกที่สุด

ควรทากันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวในตอนเช้า โดยใช้ปริมาณประมาณ 2 ข้อนิ้วมือสำหรับใบหน้าและลำคอ และทาซ้ำระหว่างวันหากทำกิจกรรมภายนอกหรือต้องออกแดดต่อเนื่อง

การดูแลผิวแบบ “ครบจบปัญหาสิว” เริ่มได้จาก 3 ขั้นตอนง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เข้าใจหลักการ “ทำความสะอาด – บำรุง – ปกป้อง” (Cleanse – Care – Protect) เมื่อผิวได้รับการดูแลครบทุกขั้นตอนอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ รอยสิวดูจางลง และผิวกลับมาเรียบเนียนแข็งแรงอีกครั้ง การดูแลสิวให้ได้ผลควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิว และใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6–8 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บ่อยๆ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะช่วยให้ผิวค่อยๆ ฟื้นกลับมาสมดุล ลดสิวและรอยได้อย่างยั่งยืน

การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่การรักษาสิวในวันนี้ แต่คือการลงทุนเพื่อสุขภาพผิวในระยะยาว

References:

  • J Eur Acad Dermatol Venereol. 2024 Jun 15. doi: 10.1111/jdv.20145