ขั้นตอนที่ 1 : ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน (Cleanse)
ความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่สะสมระหว่างวันเป็นสาเหตุสำคัญของการอุดตันในรูขุมขน การเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญของการลดสิว ดังนั้นขั้นตอนแรกของการดูแลผิวคือการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในคนที่มีผิวมันหรือผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH ใกล้เคียงผิว (ประมาณ 5.5 หรือ Physiological pH) และปราศจากสารระคายเคือง เช่น Sodium lauryl Sulfate (SLS) แอลกอฮอล์หรือสารสบู่ จะช่วยคงสมดุลเกราะปกป้องผิว และพิจารณาสารสำคัญที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องความมัน สาเหตุสำคัญของปัญหาสิว เช่น- สารลดการผลิตน้ำมัน เช่น Zinc PCA ที่สามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่กระตุ้นการผลิตน้ำมัน ลดความมันส่วนเกินและการเจริญของเชื้อ C. acnes ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของสิว
- สารผลัดเซลล์ เช่น Salicylic acid (BHA), Lipohydroxy acid (LHA) ทีจะไปช่วยผลัดซากเซลล์ผิวเก่าสาเหตุของการอุดตัน เผยผิวใหม่ดูกระจ่างใส

ขั้นตอนที่ 2 : ดูแลแก้ปัญหาสิว (Care)
เมื่อผิวสะอาดแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการดูแลแก้ปัญหาสิวและฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์เฉพาะสำหรับผิวเป็นสิวจะช่วยลดสิวและรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือลอก การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผิวเป็นสิวจะช่วยให้การดูแลมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีข้อมูลในการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวโดยแพทยืผิวหนังผู้เชี่ยวชาญการดูแลปัญหาสิวแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญในการทำงาน 5 กลไก1 ได้แก่การผลัดเซลล์ผิว (Keratolytics)
การผลัดเซลล์ผิว เช่นสาร Salicylic acid, Lipohydroxy acid, AHA, Glycolic acid เป็นต้นสารต้านการอักเสบ (Anti-inflammation agents)
สารต้านการอักเสบ เช่น Niacinamide, Zinc, panthenolสารควบคุมการผลิตน้ำมัน (Sebum-Controlling agents)
สารควบคุมการผลิตน้ำมัน เช่น Niacinamide, Zincสารต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial agents)
สารต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น Piroctone olamine, Vitreoscella filiformis fragment (APF)สารช่วยเสริมปราการผิว และเสริมไมโครไบโอมบนผิว (Skin barrier & Microbiome protection)
สารช่วยเสริมปราการผิว และเสริมไมโครไบโอมบนผิว เช่น Niacinamide, shea butter, Vitreoscella filiformis fragment (APF) ซึ่งเป็นสารกลุ่มใหม่ที่แพทย์ผิวหนังแนะนำในการพิจารณาผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลปัญหาสิว ที่ต้องดูแลความแข็งแรงของผิว ร่วมกับการคืนสมดุลให้กับไมโครไบโอมบนผิว ที่พบว่าจะช่วยให้การแก้ปัญหาสิวมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เป็นการช่วยให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วยในขั้นตอนนี้อาจแบ่งผลิตภัณฑ์ได้เป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่
- ผลิตภัณฑ์เซรั่ม ซึ่งมักจะมีสารสำคัญที่แก้ปัญหาสิวเข้มข้นกว่า หรือเน้นการทำงานเพื่อการแก้ปัญหาสิว เช่น สารสำคัญที่ช่วยในการแก้ปัญหาสิวอุดตันตั้งแต่อยู่ใต้ผิวที่เรียกว่า “ไมโครคอมิโดน (Micro-comedone)” จุดเริ่มต้นของวงจรสิว ก็น่าจะเป็นอีกคุณสมบัติหลักที่น่าสนใจ โดยผลิตภัณฑ์เซรั่มมักจะมีปริมาณสารที่ช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวที่เข้มข้นกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไปจึงจะสามารถสลายการอุกตันตั้งแต่ต้นตอได้
- ผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอไรเซอร์ ที่นอกจากคุณสมบัติที่ชวยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวแล้ว ควรต้องมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาสิวอื่นๆ ซึ่งหากมีกลไกการออกฤทธิ์ที่จัดการกับสาเหตุหลักขงการเกิดสิวได้มากกว่า ก็มักจะให้ประสิทธิภาพ หรือเห็นผลได้ชัดเจนมากกว่า โดยเฉพาะคุณสมบัติการปรับสมดุลไมโครไบโอมบนผิว อีกสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว ที่ยังไม่ค่อยมีแพร่หลายนักในผลิตภัณฑ์ดูแลสิว
แสงแดดและรังสี UV เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สิวและรอยดำหลังสิวเลวร้ายลง เพราะรังสี UVA/UVB สามารถกระตุ้นให้ผิวอักเสบและสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น การทาครีมกันแดดทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ “จำเป็นทุกวัน” แม้ในวันที่ไม่ได้ออกแดด การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงเป็นส่วนสำคัญของการดูแลผิวเป็นสิว
ในกลุ่มกันแดดสำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย ควรเลือกสูตรที่มีคุณสมบัติ Non-comedogenic (ไม่อุดตันรูขุมขน) และมีคุณสมบัติชาวยควบคุมความมัน (Oil-control) พร้อมการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ และความคงตัว รวมไปถึงสารกันแดดรุ่นใหม่ๆ ที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UVB, UVA, และ Long-UVA ที่สามารถลงไปทำร้ายผิวได้ลึกที่สุด
ควรทากันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวในตอนเช้า โดยใช้ปริมาณประมาณ 2 ข้อนิ้วมือสำหรับใบหน้าและลำคอ และทาซ้ำระหว่างวันหากทำกิจกรรมภายนอกหรือต้องออกแดดต่อเนื่อง
การดูแลผิวแบบ “ครบจบปัญหาสิว” เริ่มได้จาก 3 ขั้นตอนง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เข้าใจหลักการ “ทำความสะอาด – บำรุง – ปกป้อง” (Cleanse – Care – Protect) เมื่อผิวได้รับการดูแลครบทุกขั้นตอนอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ รอยสิวดูจางลง และผิวกลับมาเรียบเนียนแข็งแรงอีกครั้ง การดูแลสิวให้ได้ผลควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิว และใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6–8 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บ่อยๆ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะช่วยให้ผิวค่อยๆ ฟื้นกลับมาสมดุล ลดสิวและรอยได้อย่างยั่งยืน
การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่การรักษาสิวในวันนี้ แต่คือการลงทุนเพื่อสุขภาพผิวในระยะยาว
References:
- J Eur Acad Dermatol Venereol. 2024 Jun 15. doi: 10.1111/jdv.20145
