อะไรคือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง?
จากสาเหตุไปจนถึงวิธีแก้ปัญหา นี่คือทุกสิ่งที่คุณต้องการทราบ
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังคือภาวะของผิวหนังที่สืบต่อกับในครอบครัว และส่วนใหญ่ส่งผลกับเด็ก ผิวผื่นภูมิแพ้มักแห้งตามปกติโดยพื้นฐานพร้อมมี “เกราะป้องกันผิว” ที่อ่อนแอ สารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้บางอย่างอาจแทรกซึมลงสู่ผิวและก่อให้เกิดการอักเสบ ผลลัพธ์? อาการคันรุนแรง ที่ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับและคุณภาพชีวิต โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษในระหว่างที่เกิดการลุกลาม และต้องอาศัยกิจวัตรการบำรุงรักษาที่เหมาะสม:
• ทำความสะอาดด้วยสารแทนสบู่
• ใช้สารจำพวก Emollient ที่ทำให้ผิวนุ่มลื่นอย่างน้อยวันละสองครั้ง
• อาบน้ำหลังเล่นกีฬาและใช้สารจำพวก Emollient ที่ทำให้ผิวนุ่มลื่น
• ปรับสมดุลใหม่ให้กับแบคทีเรียที่เป็นมิตรกับผิวของคุณ
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
มาจากไหน?
หลายคนมีความบกพร่องทางพันธุกรรมกับโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ซึ่งหมายความว่าโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (หรือโรคผิวหนังอักเสบ) สามารถส่งต่อกันในครอบครัวได้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความผิดปกตินี้มักมีระบบภูมิคุ้มกันไวและมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการแพ้ได้ง่าย เช่น โรคหืดและโรคจมูกอับเสบภูมิแพ้ ผิวภูมิแพ้นั้นแห้งตามธรรมชาติ ผิวปกติจะผลิตฟิล์มไขมันเพื่อปกป้องตนเอง ส่วนผิวภูมิแพ้นั้นไม่มีการผลิต (แต่ไม่ต้องห่วง เราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยคุณ!) สิ่งนี้เรียกกันว่า “เกราะปกป้องผิว” หรือ “ฟังก์ชันเกราะป้องกัน” ของผิว ผิวที่มีแนวโน้มเป็นผิวหนังอักเสบนั้นทราบกันว่าเป็นผิวที่ “เปลือยเปล่า” ดังนั้นสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ในสภาพแวดล้อมจึงสามารถซึมแทรกลงลึกเข้าไปในผิวชั้นหนังกำพร้าที่ลึกกว่าได้ จากนั้นก็จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่ต่อบสนองมากเกินไป อันเป็นเหตุให้อาการพิษของโรคผิวหนังอักเสบปรากฏขึ้น: ความคัน การอักเสบ และซึมเปื้อน ปัจจัยทางสิ่วแวดล้อมอย่างเช่นมลภาวะยังอธิบายได้ถึงการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของโรคผิวหนังอักเสบในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ด้วย ซึ่งเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าความไม่สมดุลของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อผิวนั้นอาจเป็นปัจจัยของโรคผิวหนังอักเสบได้
อะไรคืออาการของ
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง?
ผิวหนังอักเสบบนใบหน้า
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังคือผิวที่แห้งมากที่ทำให้รู้สึกตึงและคัน ซึ่งส่วนใหญ่มักปรากฏบนใบหน้าของทารก อาการของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังบนใบหน้านั้นยังรวมถึงผิวลอกและปื้นแดงที่หยาบกร้าน สัญญาณที่มองเห็นได้ชัดของโรคผิวหนังอักเสบบนใบหน้าสามารถส่งผลกระทบอย่างแท้จริงต่อความเป็นอยู่ของเด็กทั้งหลาย เนื่องจากเด็กอาจรู้สึกอับอายหรือวิตกกังวลในที่สาธารณะได้ ข่าวดีก็คือด้วยการรักษาที่ถูกต้องและกิจวัตรการดูแลประจำวันในช่วงที่เกิดวิกฤติ จะสามารถจัดการโรคผิวหนังอักเสบในบุตรหลานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่มันจะไม่เป็นปัญหาใดๆ อีกต่อไป
ผิวหนังอักเสบสำหรับผิวกาย
ในทารกแรกเกิด โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังพบได้บ่อยบนใบหน้า โดยเฉพาะที่แก้มและคาง เมื่อเด็กโตขึ้น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักปรากฏขึ้นที่คอและที่ผิวบริเวณข้อพับที่ข้อศอก ข้อมือ และด้านหลังหัวเข่า อาการนั้นรวมถึงผิวหนังแห้งๆ ผิวที่คันอย่างรุนแรง ซึ่งมักมองเห็นร่องรอยของการเกาได้ เป็นเวลาผ่านไป ผิวก็จะหนาและเป็นแผ่นเหนียวตามกระบวนการที่เรียกว่า “ผิวหนังหนา (Lichenification)” หากบุตรหลานของคุณมีอาการดังกล่าวเหล่านี้ ลองปรึกษา GP หรือแพทย์ผิวหนังของคุณ
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเริ่มขึ้น
เมื่อใด
ผิวหนังอักเสบในทารก
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือผิวหนังอักเสบมักปรากฏในช่วงสองสามเดือนแรกของชีวิต ทารกที่ผิวมีแนวโน้มเป็นผิวหนังอักเสบนั้นสามารถให้การดูแลได้โดยใช้สารแทนสบู่ (ซินเดท) สำหรับทำความสะอาดและสารจำพวก Emollients ที่ทำให้ผิวนุ่มลื่น อย่าลังเลที่จะใช้สารจำพวก Emollients ที่ปรับสูตรโดยเฉพาะสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับทารกแรกเกิด
ฉันจะสามารถรักษาโรคผิวหนังอักเสบของบุตรหลานของฉันจนหายได้หรือไม่?
50% ของกรณีของเด็กที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบก่อนอายุ 1 ปีนั้น ภาวะนี้จะหายไปเองเมื่ออายุ 5 ปี ไม่มีวิธีในการรักษาที่แน่นอน หากแต่สภาพผิวแห้งสามารถจัดการได้ด้วยมาตรการจำเพาะบางอย่าง เช่น การใช้สารแทนสบู่ในการทำความสะอาด การอาบน้ำโดยใช้น้ำจากฝักบัวที่อุ่นพอประมาณแทนการแช่น้ำร้อน และการใช้สารที่ทำให้ผิวนุ่มลื่นจำพวก Emollient สองครั้งต่อวัน การลุกลามอย่างเฉียบพลันสามารถจัดการได้ด้วยครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) แต่ไม่ควรใช้กันต่อเนื่องเป็นเวลานานเพราะอาจมีผลข้างเคียง เช่น ทำให้ผิวบอบบางลงได้ โปรดดูที่ด้านล่างนี้สำหรับการวิเคราะห์ในเชิงลึกถึงกิจวัตรของผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
โรคผิวหนังอักเสบ:
ผลกระทบที่แท้จริงต่อชีวิตของเด็ก
ผิวหนังอักเสบในทารก
อาการหลักๆ ของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังก็คือ “อาการคัน” หรือความคัน ซึ่งส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก ปัญหาที่พบได้บ่อยนั้นรวมถึงการนอนหลับที่ถูกรบกวน อารมณ์แปรปรวนและความไม่สบายผิวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเด็กเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ทั้งครอบครัวก็จะรู้สึกได้ถึงผลกระทบ:
•
58% ของเด็กที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังประสบปัญหา การนอนหลับที่ถูกรบกวน1
•
31% ของผู้ปกครองระบุว่าเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวัน2 ,
•
85% ของผู้ปกครองรู้สึกว่าอาการป่วยของเด็กๆ ส่งผลกระทบต่อ สภาวะทางอารมณ์3 ของพวกเขา
อย่าเกา แต่ให้
ปลอบประโลมอาการคัน
แทน
ในขณะที่การเกาอาจช่วยลดอาการคันได้ชั่วคราว แต่มันอาจทำให้ผิวหนังยังคงอักเสบอยู่เพราะการเกาจะยิ่งทำลายชั้นเกราะป้องกันผิวให้แย่ยิ่งไปกว่าเดิม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือวงจรยิ่งคันยิ่งเกาที่น่ารำคาญใจ ในการทะลายวงจรแห่งหายนะของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือโรคผิวหนังอักเสบนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปลอบประโลมความคันให้สงบลง
อ่านต่อไปเพื่อค้นพบเคล็ดลับในการใช้ชีวิตเพื่อลดความคันที่ทำให้หงุดหงิด ตามด้วยแนวทางในการรักษาที่แพทย์ของคุณอาจแนะนำในระหว่างที่เกิดการลุกลาม
5 เคล็ดลับยอดนิยม
สำหรับผิวที่คันน้อยลง!
1. ชำระล้างผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอย่างอ่อนโยน
เลือกอาบน้ำที่อุ่นพอประมาณจากฝักบัวแทนการแช่น้ำและจำกัดเวลาให้ไม่เกิน 10 นาทีเป็นอย่างมาก หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จำพวกโฟมที่สามารถทำอันตรายผิวได้ และให้เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปราศจากสบู่อย่างซินเดทที่จะชำระล้างผิวโดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ให้แน่ใจว่าใช้ แชมพูที่เหมาะสำหรับผิวที่บอบบางแพ้ง่ายที่สุดหลังจากอายุ 3 ปี หลังจากที่อาบน้ำแล้วทุกครั้ง ให้ใช้ สารจำพวก Emollient ที่คิดค้นสูตรเป็นพิเศษสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
2. คุณมีผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือไม่? กวาดล้างไรฝุ่นให้หมดไป!
โรคผิวหนังอักเสบนั้นเชื่อมโยงกับผิวที่แห้งมากที่ขาดลิพิดที่จะคอยปกป้องผิวปกติจากสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้จากภายนอกอย่างไรฝุ่นบ้าน ดูดฝุ่นเป็นประจำและระบายอากาศทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ห้องนอน หากจำเป็น ให้หาซื้อผ้ารองกันเปื้อนและหมอนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไรฝุ่น
3. ให้แน่ใจว่านอนหลับพักผ่อนได้อย่างมีคุณภาพ
ผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังถูกจำแนกลักษณะด้วยสภาพผิวที่แห้งที่กระตุ้นให้เกิดอาการคัน ซึ่งจะรบกวนเด็ก ๆ ในเวลากลางคืน…และรบกวนผู้ปกครองด้วยเช่นกัน! ช่วยให้ทุกคนนอนหลับได้อย่างเป็นสุขในยามค่ำคืนด้วยการรักษาอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 18 ถึง 20 องศาในห้องนอน: ซึ่งจะป้องกันบรรยากาศไม่ให้แห้งจนเกินไป หากจำเป็น ให้หาซื้อเครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ และแน่นอนว่าต้องให้แน่ใจด้วยว่าคุณใช้สารจำพวก Emollient ในเวลาเย็นด้วย
4. ผ้าฝ้ายเป็นวัสดุที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเครื่องแต่งกายของผู้ที่ผิวมีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
เมื่อคุณมีผิวแห้ง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงการมีเหงื่อออกมากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ควรหลักเลี่ยงผ้าวูลและผ้าใยสังเคราะห์ โดยให้เลือกผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศได้ดีแทน ซึ่งมีความนุ่มนวลต่อผิวมากกว่า และถ้าหากคุณต้องการให้มีเหงื่อออกขณะออกกำลังกาย ก็…
5. สนุกไปกับการเล่นกีฬาได้แต่ควรจะอาบน้ำเลยหลังจากนั้น
การออกกำลังกายไม่ได้เรื่องต้องห้ามสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผิวหนังอักเสบแต่อย่างใด แต่ต้องระมัดระวังอย่าปล่อยให้มีเหงื่ออยู่บนผิวเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ วิธีที่ดีที่สุดก็การสวมเสื้อผ้าหลวมๆ ที่ถ่ายเทอากาศได้ดีที่จะซับเหงื่อออกไปจากผิวได้ หลังจากที่คุณออกกำลังกายแล้ว ควรอาบน้ำเลยโดยใช้ครีมทำความสะอาดที่เหมาะสม และตามด้วยสารจำพวก Emollient สำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง Emollient ควรให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้และปรับสมดุลให้กับแบคทีเรียที่เป็นมิตร
ใครรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้บ้าง
ถ้าการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ
ถ้าคุณคิดว่าบุตรหลานของคุณอาจเป็นผิวหนังอักเสบ ผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะกับการจัดการปัญหาได้ดีที่สุดก็คือแพทย์ผิวหนัง แพทย์เท่านั้นที่สามารถให้การวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง ออกใบสั่งแพทย์เพื่อการรักษาและให้คำแนะนำที่เหมาะสม ส่วนกรณีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่ไม่รุนแรงนั้น ยังสามารถจัดการได้โดยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (GP) ประจำตัวของคุณ และก็เป็นการคุ้มค่าถ้าจะขอคำแนะนำจากเภสัชกรเกี่ยวกับการรักษาที่เหมาะสม
ทำความเข้าใจถึง
กิจวัตรโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังของคุณ
การดูและผิวหนังอักเสบเป็นประจำทุกวันนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท: การรักษาเมื่อเกิดการลุกลาม และ การดูแลบำรุงรักษาระหว่างที่เกิดการลุกลาม
การรักษาเมื่อโรคผิวหนังอักเสบเกิดการลุกลาม
เมื่ออาการของโรคผิวหนังอักเสบรนแรง (ปื้นแดงที่แห้งกร้าน, รอยเกา, ความไม่สมบูรณ์ต่าง ๆ…) แพทย์ผิวหนังจะสั่งยาประเภทครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) การรักษาผิวหนังอักเสบนั้นมีการลดอาการอักเสบ และดังนั้นจึงควรใช้กับบริเวณผิวหนังที่เกิดการอักเสบและช่วบปลอบประโลมและลดความเสียหากจากการเกาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ การใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) สองครั้งต่อวันคือข้อแนะนำโดยทั่วไป กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของครีมใช่ไหม? อ่านต่อ…
ครีมสเตียรอยด์มีความปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกต้อง
ในบางประเทศ คอร์ติโซน (cortisone) นั้นไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากผลข้างเคียงที่สันนิษฐานไว้: ภาวะการคั่งของน้ำ, ความผิดปกติในการนอนหลับ, อัตราการเจริญเติบโตที่ช้าลง ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์เหล่านี้นั้นล้วนเกี่ยวกับการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) โดยการรับประทานเท่านั้น
เมื่ออยู่ในรูปแบบของครีมสเตียรอยด์จะยังคงอยู่บนผิวและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอกสามารถทำให้ผิวบางและอ่อนแอลงได้ ไม่แนะนำให้ใช้ครีมสเตียรอยด์กับใบหน้า เนื่องจากเป็นบริเวณที่ผิวมีความบอบบางกว่า
ระยะการรักษาด้วย Emollient
การบำรุงรักษาในระหว่างที่เกิดการลุกลามเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
เมื่อรอยโรคผิวหนังอักเสบหายไปแล้ว ครีม Emollient จะสามารถฟื้นฟูอิมัลชันชนิดน้ำมันในน้ำที่ปกป้องชั้นบนของผิวได้ (“ไฮโดรไลปิดฟิล์ม (hydrolipidic film)” หรือ “เกราะป้องกันผิว” ตามที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น) และจำกัดการแทรกซีมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ครีมสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังควรใช้กับทั่วเรือนร่างวันละหนึ่งหรือสองครั้งเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและปรับสมดุลให้กับแบคทีเรียที่เป็นมิตร เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันอันเนื่องมาจากผิวแห้งและป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามต่อไปหรือจำกัดระยะเวลาของการลุกลาม ด้วยการดูแลให้ผิวคงความชุ่มชื้นและเพื่อปกป้องไว้ด้วยสารที่อุดมไปด้วย Emollient คุณสามารถยับยั้งสิ่งสกปรกจากสิ่งแวดล้อมไม่ให้มารบกวนผิวของคุณได้ ซึ่งทำให้คุณรอดพ้นหลุดออกจากวงจรยิ่งคันยิ่งเกาได้
ความสำคัญของการปฏิบัติตามหลักของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
กิจวัตรในการรักษาและการดูแลผิวเป็นประจำทุกวัน
เนื่องจากโรคผิวหนังอักเสบเป็นภาวะของผิวที่เรื้อรัง กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของการดูแลก็คือ ความสม่ำเสมอ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคอยระวังและคอยมองหาผื่นแดงที่เกิดขึ้นใหม่ที่อาจต้องใช้การรักษาด้วยครีมสเตียรอยด์ ตลอดจนยังต้องพิถีพิถันไปกับกิจวิตรในการบำรุงรักษาของคุณอย่างแท้จริง
สำหรับการชะล้างประจำวัน ให้ใช้น้ำอุ่นและสารที่ใช้แทนสบู่หรือซินเดท และตามด้วยสารจำพวก Emollient สำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื้นภูมิแพ้ผิวหนังโดยเฉพาะ ควรใช้สารจำพวก Emollient ที่เหมาะสมที่ทำให้ผิวนุ่มลื่นอย่าง Lipikar Baume AP+ วันละครั้งเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ อย่าลังเลที่จะเปิดเผยให้กับแพทย์ผิวหนังของคุณทราบถึงวิธีที่คุณใช้ครีมอย่างถูกต้องกับบุตรหลานของคุณ
ให้เด็กๆ
มีส่วนร่วม!
เนื่องจากคุณจะต้องใช้ Emollient สองครั้งต่อวัน จึงจะเป็นการง่ายขึ้นถ้าคุณทำให้เป็นเรื่องสนุก! ลองคิดถึงการเปิดเพลงโปรดให้เด็กๆ ฟังในขณะที่คุณทาครีม หรือทำไมไม่ลองทำให้เป็นเพลงสำหรับการใช้ครีมหรือทาครีมอย่างมีจังหวะ ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ บุตรหลานของคุณจะได้รับการกระตุ้นให้ดูแลผิวหนังอักเสบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันในยามเช้าและก่อนนอน อย่าลังเลที่จะปล่อยให้เด็กๆ มีอิสระในการดูแลตนเองบ้าง ซึ่งเด็กๆ จะต้องทำให้คุณประหลาดใจแน่ๆ
โรคผิวหนังอักเสบ
และแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิว
ผิวที่มีสุขภาพดีนั้นเป็นบ้านของแบคทีเรียที่เป็นมิตรนับพันล้านตัวที่อาศัยอยู่อย่างมีความสุขในทุกๆ ตารางมิลลิเมตรบนผิว ในทางกลับกัน โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังนั้นเชื่อมโยงกับการขาดแคลนความหลากหลายของจุลินทรีย์เหล่านี้ (แบคทีเรีย, เชื่อรา, อาร์เคีย…) ที่รู้จักกันในชื่อ ไมโครไบโอม (microbiome) จนถึงตอนนี้ เราได้พยายามกำจัดจุลินทรีย์ในร่างกายของเราให้หมดไปจากชั้นบนของผิว หากแต่การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ได้เผยว่า แท้จริงแล้ว จุลินทรีย์ทั้งหลายเหล่านี้ทำให้เกิดการสืบทอดของแบคทีเรียที่สมดุล ซึ่งทำปฏิกิริยากับร่างกายของเราเพื่อทำให้แน่ใจได้ว่าร่างกายทำงานได้อย่างถูกต้องเป็นปกติ และก็ปรากฏด้วยว่าในผิวหนังอักเสบนั้น ไมโครไบโอม (microbiome) นั้นขาดความสมดุล
การเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับไมโครไบโอม (MICROBIOME)
เพื่อยับยั้งผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
Emollient ที่ดีที่สุดสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับทั้งเกราะป้องกันลิพิดของผิวและปรับสมดุลให้กับไมโครไบโอม ในการศึกษาทางคลินิก ห้องปฏิบัติการของลา โรช-โพเซย์ได้สาธิตว่าการฟื้นฟูการทำงานเกราะป้องกันของผิวเพื่อบรรเทาผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ได้ยาวนานนั้นไม่เพียงพอ โดยยังมีความสำคัญทัดเทียมกันที่จะต้องปรับสมดุลให้กับไมโครไบโอม(microbiome) ด้วย ด้วย Lipikar Baume AP+ คุณสามารถเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับลิพิดของผิวและปรับสมดุลให้กับไมโครไบโอม (microbiome) ได้อย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อบรรเทาอาการให้กับบุตรหลานของคุณได้ และยังสามารถป้องกันการเกาได้ถึง 24 ชั่วโมง ตลอดจนเป็นการเว้นระยะใหับความถี่ของการลุกลามจากผื่นแห้งได้ด้วย
กิจวัตรในการดูแลประจำวัน
สำหรับเด็ก
ที่ผิวมีแนวโน้มเป็นผิวหนังอักเสบ
ผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลประจำวันใดที่เหมาะที่สุดสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
เมื่ออาบน้ำให้กับเด็กที่ผิวมีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมอย่าง LIPIKAR Syndet : ซึ่งจะช่วยคืนความสบายและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับบุตรหลานของคุณที่มีภาวะผิวแห้ง ใช้ปลายนิ้วของคุณในการใช้ซินเด็ทนี้ หรือ "สบู่ที่ปราศจากสารชำระล้างกลุ่มสบู่" และทำให้เกิดฟอง ล้างออกให้สะอาด อีกยังปราศจากน้ำหอมด้วย
ในขณะที่ผิวยังคงชื้นอยู่ ใช้ Lipikar Baume AP+ ที่อุดมด้วย Emollient ที่จะทำงานบนเกราะป้องกันลิพิดของผิวและช่วยคืนความสมดุลให้กับไมโครไบโอม
LIPIKAR BAUME AP+:
ส่วนผสมออกฤทธิ์ที่แหวกแนว
ในเนื้อสัมผัสที่ซึมซาบได้อย่างรวดเร็ว
รังสรรค์สูตรขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โดย Lipikar Baume AP+ ผสานไว้ด้วยสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ ที่เลือกสรรจากประสิทธิภาพที่มีต่อผิวแห้งระดับรุนแรงและสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ โดยมาในเนื้อสัมผัสที่พลิกรูปแบบใหม่ที่เอื้อต่อการใช้อย่างเป็นประจำ การเตรียมการ LIPIKAR Baume AP+ ใหม่เผยถึงความมีประสิทธิภาพใน:
1. การฟื้นฟูความสมดุลแบบระยะยาวให้กับไมโครไบโอม
สตร LIPIKAR Baume AP+ (การเตรียมการที่ทำจากแบคทีเรียที่เป็นมิตรที่เจริญเติบโตในน้ำแร่ลา โรช-โพเซย์) ช่วยฟื้นฟูความสมดุลให้กับความหลากหลายของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บนชั้นบนของผิว ซึ่งก็คือไมโครไบโอม (microbiome) ทำให้ผิวยังคงทรงตัวในระหว่างช่วงที่มีการบรรเทาเพื่อป้องกันการกำเริบ โดยทำให้การระคายเคืองสงบลง สร้างความแข็งแกร่งให้กับเกราะป้องกันผิวเพื่อจำกัดการมาของสารก่อโรคที่อาจเป็นเหตุให้เกิดการระคายเคืองขึ้นอีกและและช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวด้วย
2. การเติมความสมบูรณ์ให้กับเกราะป้องกันลิพิดของผิว
LIPIKAR Baume AP+ ประกอบไว้ด้วยการผสมผสานส่วนผสมเวชสำอางมาตรฐานเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้เพื่อให้ได้ผลจากสารให้ความนุ่มลื่น Emollient ที่เข้มข้น
•
เชียร์ บัตเตอร์ เติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับลิพิดอย่างเป็นธรรมชาติ
•
น้ำมันคาโนลา เติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับลิพิด
•
กลีเซอรีน ให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว
3. ผลจากการปลอบประโลม
วิตามินบี 3 จะทำปฏิกิริยาโดยตรงเพื่อทำให้อาการระคายเคืองสงบลงสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ โดยทำให้อาการคันสงบลงและปลอบประโลมผิวในขณะที่ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายตัว
ลา โรช-โพเซย์ รวมทีม
กับคุณเพื่อประโยชน์ของผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้
ห้องปฏิบัติการลา โรช-โพเซย์มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นพิเศษสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ เพื่อให้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ระยะแรกของชีวิต ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ ลา โรช-โพเซย์ทำงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะนี้ รวมไปถึงครอบครัวของเด็กๆ เองด้วย
ยิ่งไปกว่าผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ มีการบริการจัดการโรงเรียนผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกว่า 80 แห่งทั่วโลก เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับเด็กที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและทำให้เด็ก ๆ รู้สึกแปลกแยกน้อยกว่า โรงเรียนลักษณะนี้แห่งหนึ่งประกอบการอยู่ที่ La Roche-Posay Thermal Centre ซึ่งเป็นศูนย์ด้านความร้อนตามธรรมชาติสำหรับผิวหนังอันดับ 1 ของยุโรป ซึ่งมีผู้ป่วยผิวหนังอักเสบหลายพันรายที่ได้รับการรักษาในแต่ละปี4
ที่โรงเรียนสอนเกี่ยวกับผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ผู้ปกครองและเด็กๆ สามารถร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในเวิร์คช็อปเกี่ยวกับวิธีการทาครีม และเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการในการดูแลผิวของพวกเขา พวกเขาจะได้รับคำแนะนำเกี่นวกับการหลีกเลี่ยงการเกาผิว และได้เรียนรู้ถึงวิธีที่ดีที่สุดในการใช้สารจำพวก Emollient ในสภาพแวดล้อมที่สนุกสนานและผ่อนคลาย
1Clinical study, 209 children aged between 2 and 16 (average age: 8) with mild to moderate atopic dermatitis
2Dimension Baromètre suivi dermatologue 2008, Fr-All-It-Esp [Measurement: Dermatologist monitoring poll 2008, France-Germany-Italy-Spain]
3La Roche-Posay clinical study, at 8 sites (France, Italy, Belgium, Germany, Argentina), 191 child patients aged between 3 and 22 having had atopic dermatitis for 5 years on average.
4Certifications awarded to La Roche-Posay thermal cure as a result of the Europe-wide examination and surveys which ESPA have carried out in 2018