รวมวิธีดูแลผิวหน้า ให้ห่างไกลสิว จากเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ลา โรช-โพเซย์

Article Read Duration 7 min read

ปัญหาสิวและผิวมัน เป็นปัญหาหลักที่หลายคนมักพบเจอ ซึ่งสาเหตุของการเกิดสิวก็มีมากมาย ไม่ว่าจะปัจจัยภายในอย่างกรรมพันธุ์ หรือฮอร์โมน หรือปัจจัยภายนอก อย่าง แสงแดด มลภาวะ การเลือกใช้สกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิวหน้า ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ฯลฯ ปัจจุบันก็มีหลากหลายวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาสิวนี้ ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูลการดูแลผิวหน้า และการป้องกันมิให้เกิดสิวที่ถูกวิธีมาให้แล้ว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีของการใช้ ครีมรักษาสิว เผยผิวแลดูสุขภาพดี กลับคืนมาอีกครั้ง

สิวเกิดจากอะไร?

เคยสงสัยกันไหมว่า? สิวเกิดจากอะไร ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำความสะอาดผิวหน้าเป็นอย่างดี แต่สิวก็ยังขึ้นอย่างไม่หยุด “สิว” เป็นการอักเสบของหน่วยรูขุมขน นั่นก็คือจุดที่เป็นสิวคือรูขุมขนของเรานั่นเอง มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ นูนขึ้นมา ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบอาจมีอาการอักเสบ ได้แก่ เจ็บ บวม แดง ร่วมด้วย ซึ่งการเกิดสิวจะพบมากในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และมักจะดีขึ้นหรือหายไปเองเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น

วิธีป้องกัน และจัดการกับปัญหาสิวอย่างถูกต้อง

คงไม่มีใครอยากให้ผิวของตนเองเกิดสิว เพราะนอกจากจะทำให้เราหงุดหงิดรำคาญใจ ยังทำให้เราหมดความมั่นใจอีกด้วย การรู้วิธีป้องกันและใช้ครีมรักษาสิวที่ถูกวิธี จะช่วยให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพ และเห็นผลลัพธ์ที่ดีได้

วิธีที่ 1 : ดื่มน้ำ

ทุกคนควรดื่มน้ำสะอาด ให้เพียงพอในแต่ละวัน เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกายรวมถึงผิวหนังของเรา การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้องค์ประกอบต่าง ๆ ในผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราจึงควรดื่มน้ำให้พอเพียงกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน (ขึ้นอยู่กับเพศ, น้ำหนักตัว) หรือเฉลี่ยแล้ว 1.5 ลิตรขึ้นไป น้ำจะเป็นตัวช่วยในการนำสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้ถูกขับออกมาด้วย

วิธีที่ 2 : ห้ามเครียด

ความเครียดจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน ที่สามารถไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น จึงสังเกตได้เลยว่า คนที่ชอบเครียดอยู่บ่อย ๆ หรือเครียดโดยไม่รู้ตัว มักจะมีโอกาสเกิดสิวมากกว่า ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ควรทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ

วิธีที่ 3 : ล้างหน้าอย่างถูกต้อง

หลายคนมักเข้าใจว่าการล้างหน้าบ่อยครั้ง ในแต่ละวันเป็นเรื่องที่ดี เพราะผิวหน้าจะสะอาดอยู่เสมอ แต่นั่นจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมัน ทำให้หน้ามันยิ่งขึ้น ซ้ำยังเสี่ยงผิวแตก แห้ง ระคายเคืองอีกด้วย ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ให้ใส่ใจกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดว่าเหมาะกับสภาพผิวของเราหรือไม่

วิธีที่ 4 : พักผ่อนให้เพียงพอ

ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่ก็แอบยากสำหรับใครหลายคน เพราะการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ หมายถึงการเข้านอนก่อน 22.00 น. หลับอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟู กระบวนการต่าง ๆ ของร่างกายในขณะที่นอนหลับ นอกจากนี้การนอนหลับที่ไม่เพียงพอยังส่งผลให้เกิดการผลิตน้ำมันมากผิดปกติ

วิธีที่ 5 : ปกป้องผิวจากแสงแดด

แสงแดด นอกจากจะทำร้ายผิวให้เกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำแล้ว ยังไปกระตุ้นให้ผิวมีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหน้ามันขึ้นได้ เมื่อผิวหน้ามันก็มีโอกาสในการเกิดสิว และการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำยังช่วยให้รอยแดงรอยดำจากสิวดูจางลงด้วย

วิธีที่ 6 : เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

การเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันและดูแลผิวที่เป็นสิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากมาย แถมก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทและปัญหาผิวของตนเอง เพราะสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ที่สำคัญ สำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาสิวอย่างอ่อนโยนเป็นสูตรปราศจากน้ำมันและไม่ทำให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic)

วิธีที่ 7 : รักษาก่อนบำรุง

หลายคนที่กำลังเป็นสิวอยู่แต่ร้อนใจ อยากรีบบำรุงผิวก่อนสิวหาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างมาก เพราะควรรักษาสิวด้วยครีมรักษาสิวให้หายดีก่อน แล้วจึงค่อยหาผลิตภัณฑ์มาทำการบำรุงผิว ระหว่างการรักษาคุณควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ ที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบ เช่น โคโค่บัตเตอร์ เปปเปอร์มินต์ออย เพราะสารเหล่านี้จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย และเกิดการอุดตันรูขุมขนมากขึ้น

วิธีที่ 8 : งดการใช้กระดาษซับมัน

หลังการใช้กระดาษซับมัน เราจะอยู่รู้สึกว่าความมันบนใบหน้าลดลงอย่างทันใจ แต่เพียงไม่นานใบหน้าเราจะกลับมามันเงาอีกครั้ง ที่เป็นเช่นนี้เพราะการใช้กระดาษซับมัน จะเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน แล้วหันมาใช้กระดาษทิชชูสำหรับใบหน้า ซับน้ำมันส่วนเกินแทน หรือเลือกฉีดสเปรย์น้ำแร่ แล้วทิ้งไว้ซัก 30 นาที แล้วใช้ทิชชูซับออกเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับผิวหน้าก็ได้

วิธีที่ 9 : ยาคุมกำเนิด

ยาคุมที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสติน ช่วยรักษาสิวได้ เนื่องจากตัวยาจะไปลดระดับฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนลง ทำให้การผลิตไขมันซีบัม จากต่อมไขมันใต้ผิวหนังลดลง ซึ่งจะช่วยลดการเกิดสิว แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้การดูแลสิวด้วยยาคุมกำเนิดควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน

วิธีที่ 10 : เลือกรับประทานอาหาร

ทำไมเรากินชอคโกแลตแล้วสิวขึ้น แต่เพื่อนกินแล้วสิวไม่ขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวต้องสังเกตตนเองว่ารับประทานอาหารประเภทใดแล้วทำให้เกิดปัญหาสิว ก็ต้องหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบในเซลล์ผิว เกิดการกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวได้ ซึ่งอาหารที่มักจะมีโอกาสทำให้เกิดปัญหาสิว ได้แก่ อาหารทอด อาหารมัน หรือผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากนม

วิธีที่ 11 : หลีกเลี่ยงและปกป้องผิวจากมลภาวะ

มีงานวิจัยที่ยืนยันว่ามลภาวะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาสิวต่อมาได้ ดังนั้นเราจึงต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญกับมลภาวะ และปกป้องผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากมลภาวะ ได้ด้วยกลไกต่าง ๆ เช่น ต้านการเกิดปฏิกิริยาการทำร้ายผิวจากมลภาวะ หรือบางผลิตภัณฑ์สามารถลดการเกาะติดของมลภาวะได้ ก็จะช่วยลดการเกิดสิวที่มีสาเหตุมาจากมลภาวะได้

วิธีที่ 12 : ระวังการใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

การใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งชนิดรับประทานและแบบทาสำหรับแก้ปัญหาสิวอักเสบ หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาการดื้อยาได้ ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ส่วนยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทา ควรใช้ร่วมกับยาทาชนิด เบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ สามารถแก้ปัญหาการดื้อยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทาได้

วิธีที่ 13 : เลือกหน้ากากลด MASKNE

ด้วยสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ทำให้หน้ากากเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญและจำเป็นในการใช้ชีวิต แต่การใส่หน้ากากอาจทำให้หลาย ๆ คนเผชิญกับปัญหาสิว เพื่อการดูแลปัญหาสิวที่เกิดจากการใส่หน้ากาก หรือที่เรียกกันว่า “มาสก์เน่ (MASKNE)” ควรเลือกหน้ากากที่ทำจากวัสดุที่อ่อนโยน เช่นถ้าเป็นหน้ากากผ้า ก็เลือกหน้ากากที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าไหม และใส่หน้ากากให้กระชับพอดีกับใบหน้าเพื่อลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการสวมหน้ากากที่ไปกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิว

วิธีที่ 14 : ไม่สัมผัสใบหน้า ถ้าไม่จำเป็น

สำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย การไปสัมผัสโดนใบหน้าเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ทั้งจากมือ หรือโทรศัพท์มือถือที่อาจมีทั้งสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียอยุ่มากมาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสิวได้เช่นเดียวกัน

วิธีที่ 15 : ไม่บีบ+แคะ+แกะสิว

เป็นเรื่องที่ห้ามใจยากเสมอ กับการแคะ, แกะ เกาสิว แต่การกระทำดังกล่าว นอกจากไม่ช่วยให้สิวลดลงแล้ว ซ้ำยังเป็นการทำให้ระคายเคือง กระตุ้นให้อักเสบรุนแรงมากขึ้น รักษายาก บางรายเกิดการอักเสบไปทั้งหน้า แม้รักษาหายก็ยังทิ้งรอยดำ รอยแดง หลุมสิวไว้ให้ดูต่างหน้าอีก ดังนั้นแล้วควรสัมผัสใบหน้าก็ต่อเมื่อจำเป็น และระมัดระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กับผิวหน้าอย่างอ่อนโยน

แนะนำ 3 ขั้นตอนของการดูแลผิวง่าย ๆ จาก La Roche-Posay


ขั้นตอนที่ 1 : การทำความสะอาดผิว

สิ่งสำคัญ ห้ามมองข้ามเด็ดขาดเลย คือ การทำความสะอาดผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิวอย่างหมดจด โดยเฉพาะความมันส่วนเกินที่มักจะพบมากในผู้ที่มีปัญหาสิว ขอแนะนำ

คลีนเซอร์ EFFACLAR Micro-Peeling Gel สำหรับผิวที่มีปัญหาสิว*


คลีนเซอร์รักษาสิวสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย



  • คลีนเซอร์ EFFACLAR MICRO-PEELING PURIFYING GELผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย เป็นสูตรที่เด็ดขาดกับสิว แต่อ่อนโยนต่อผิว มีค่า pH ของผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงผิว (Physiological pH) และปราศจากสารสบู่ (Soap-free)
  • มีสารสำคัญในการดูแลปัญหาสิว เช่น ซาลิไซลิก แอซิด และ LHA
  • ทำความสะอาดผิวโดยการล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง


สำหรับสาว ๆ ที่แต่งหน้า แนะนำว่าต้องเพิ่มขั้นตอนการทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางก่อนการล้างหน้าทุกครั้ง “เอฟฟาคลาร์ ไมเซลล่าร์” ด้วยนวัตกรรม “ไกลโคไมเซลล่าร์” ที่สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก เมคอัพ รวมไปถึงมลภาวะให้ออกจากผิวได้อย่างอ่อนโยน และยังผสานซิงค์ เพื่อควบคุมความมันส่วนเกิน สาเหตุสำคัญของการเกิดสิว และน้ำแร่ลา โรช-โพเซย์ เพื่อปลอบประโลม ลดอาการระคายเคืองผิว สามารถใช้ได้กับผิวทั่วใบหน้า รวมถึงรอบดวงตาและริมฝีปาก วิธีการใช้ เพียงเท “คลีนซิ่งน้ำแร่” ลงบนสำลี แล้วเช็ดทำความสะอาดผิวเบา ๆ ใช้ได้ทั้งบริเวณใบหน้า ดวงตาและริมฝีปาก

*สิวเสี้ยน สิวอุดตัน

วิธีการใช้งาน คลีนเซอร์ EFFACLAR Micro-Peeling Gel


ถูเนื้อเจลบนฝ่ามือที่เปียกน้ำจนเกิดฟอง จากนั้นให้นวดผลิตภัณฑ์ลงบนผิวหน้าอย่างเบามือ แล้วล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด

ขั้นตอนที่ 2 : บำรุงผิวด้วย ผลิตภัณฑ์เซรั่ม


การบำรุงผิวด้วย ผลิตภัณฑ์เซรั่ม จะมีสารสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาสิวที่เข้มข้นกว่า เช่น ผลิตภัณฑ์ ครีมจัดการสิว “เอฟฟาคลาร์ เซรั่ม” ที่ผสานสารสำคัญที่ช่วยในการจัดการปัญหาสิวอุดตัน ตั้งแต่ “ไมโครคอมิโดน (Micro-comedone)” จุดเริ่มต้นของวงจรสิว เมื่อใช้ติดต่อกันพบว่า “เอฟฟาคลาร์ เซรั่ม” จะช่วยจัดการสิวอุดตัน และจัดการปัญหาสิวอุดตันที่ต้นตอ

เซรั่มรักษาสิวช่วยสลายสิวอุดตัน และจบต้นตอของปัญหาสิว



วิธีการใช้งาน EFFACLAR SERUM

ทาเซรั่มให้ทั่วใบหน้า โดยเว้นรอบดวงตา และริมฝีปาก แนะนำให้ใช้ร่วมกับมอยซ์เจอไรเซอร์ และผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นประจำ

ขั้นตอนที่ 3 : ปกป้องผิวจากแสงแดด

เพราะแสงแดดสามารถกระตุ้นให้ผิวมีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้นส่งผลทำให้เกิดปัญหาสิวและยังทำให้รอยสิวเข้มขึ้นด้วย ควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผู้ที่มีผิวมัน หรือผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย และเป็นสูตรที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันผิว (Non-comedogenic) เช่นผลิตภัณฑ์ “แอนเทลิโอส ดรายทัช” กันแดดที่ปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบี รังสีอินฟราเรดและมลภาวะ อีกปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดปัญหาสิว ยังผสานสาร “AIRLICIUM™” ที่ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้นานถึง 8 ชั่วโมง*
*ผลการทดสอบของสาร Silica Silylate ที่มีความเข้มข้น 0.5, 1.0 และ 1.5%

ผลิตภัณฑ์กันแดดรักษาสิวสำหรับใบหน้า


วิธีการใช้งาน ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับใบหน้า

การทาครีมกันแดดที่ดี ควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 - 20 นาที เพื่อให้เนื้อครีมฟอร์มตัวเป็นฟิล์มปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมคือ 2 ข้อนิ้วสำหรับใบหน้าและลำคอ โดยแบ่งทาครั้งละ 1 ข้อนิ้ว 2 รอบ เพื่อประสิทธิภาพการกันแดดตามที่ผลิตภัณฑ์ระบุไว้

สรุป


ปัญหาสิว เป็นเรื่องที่เรียกว่าไม่สิวเลยสำหรับใครหลายคน นอกจากการดูแล และป้องกันอย่างถูกวิธีแล้ว ปัจจัยที่สำคัญคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลปัญหาได้ตรงจุด เช่น ผลิตภัณฑ์จากลาโรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) แบรนด์เวชสำอางที่แพทย์ผิวหนังทั่วโลกแนะนำ ซึ่งทุกผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิก ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้ได้มั่นใจว่าจะอยู่ห่างไกลปัญหาสิว